เยาวราช ของเรา

เช้าวันเสาร์ที่27 เดือน กันยายน 2551 นับว่าเป็นวัน ฤกษ์ดีของผม ที่หลังจากกลับจาก การประชุมที่ Dong Guan, China แวะซื้อของ ที่ Hong Kong อีก 6 ชั่งโมง ผมกลับมาก็ตรงเข้าใส่ เจ้ากล้อง Nikon D3 ตัวใหม่ที่ซื้อมาก่อนไป เมืองจีน 2 วัน (แต่ไม่ได้เอาเจ้า D3 ไปนะครับ เพราะไปประชุม)เช้าวันนั้น จะเริ่มเทศกาลกินเจ ของพี่น้อง ชาวจีน เยาวราช จึงคลาคล่ำ ไปด้วยผู้คนทั้งอาศัยอยู่ที่นั้น และขาจร (อย่างผม) แต่ก็ยังไม่ถึงขนาด ยกกล้องเก็บภาพไม่ได้

การไปถ่ายวันนั้นผมตั้งใจจะถ่ายชีวิตผู้คนในเยาวราช ซึ้งส่วนใหญ่ดำเนินชีวิตเฉกเช่นนี้มา ตั้งแต่เกิด นับมาหลายชั่วอายุคน หลายๆตระกูลเชื้อสายจีนได้เริ่มต้นการค้า หรือ กิจการ ของพวกเขาจาก จุดๆนี้ของกรุงเทพ

ตระกูล อัศวรักษ์ ของผมก็เช่นกันครับ คุณทวด เทียม อัศวรักษ์ (หลวงธุระการกำจัด) ได้ย้ายลูกหลาน จากกรุงเก่า อยุธยา มาอยู่เมืองบางกอก ประมาณรัชสมัย สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5 แล้วมารับราชการเป็นตำรวจดูแลชุมชนคนจีน ที่ย่านเยาวราช ชาวจีนแถวนี้เรียกท่านว่า หมาต๋าเทียม (หมาต๋า แปลว่าตำรวจในภาษาจีน) ต่อมาได้รับพระราชทาน นามสกุลจาก ล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 6 ว่าตระกูล อัศวรักษ์ เป็นนามสกุลพระราชทานลำดับที่ 8 ของเมืองไทย ลูกชายคนโดของ หมาต๋าเทียม ได้รับราชการ ถวายตัวเป็นมหาดเล็ก ของล้นเกล้า รัชกาลที่ 6 ตั้งแต่พระองค์ท่านทรงพระยศเป็น สมเด็จพระยุพราช

ต่อมาได้เป็นเจ้ากรมอัศวราช ได้บรรดาศักดิ์เป็น พระยาคธาธรบดีสีหราชบาลเมือง (เทียบ อัศวรักษ์ – ในรูปคือคนที่นั่งตรงกลางใส่เครื่องแบบตำรวจใส่แขนทุกข์) ซึ่งเป็นพี่ชายของคุณปู่ของผม (ในรูปคือคนที่ยืนซ้ายสุดแถวหลัง – พล.ต.ท. หลวงพิชิตธุระการ – หลง อัศวรักษ์)

*** ยังมีต่อครับ ***

วัดศรีสุดาราม บางขุนนนท์ บางกอกน้อย

อนุสาวรีย์ ท่านสุนทรภู่ กวีเอกแห่งสยาม

โบสถ์หลังเก่า และปัจจุบัน

วันอาทิตย์ ที่ 5 ตุลาคม 2551 เป็นวันเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร ผมต้องเดินทางกลับภูมิลำเนาเดิม คือ บางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย เพื่อไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ตามหน้าที่ของคนไทย หน่วยเลือกตั้งของผมตั้งอยู่ ณ หน่วยเลือกตั้งที่ 2 โรงเรียนวัดศรีสุดาราม ซึ่งผมได้เดินทางไปถึงและเป็นผู้ใช้สิทธิ คนแรกของหน่วยเลือกตั้งแห่งนั้น

แน่นอนครับ ผมไม่ลืมที่จะเอากล้อง Nikon D3 คู่ใจไปวันนั้นด้วย ตั้งใจจะถ่ายภาพบรรยากาศภายในวัดนั้นให้คนดูกัน

วัดศรีสุดารามวรวิหาร (เดิมชื่อ วัดชีปะขาว)เป็นวัดเก่า ริมคลองบางกอกน้อย ซึ่งคลองเส้นนี้เดิมเคยเป็นแม่น้ำเจ้าพระยามาแต่โบราณกาล แต่มีการขุดคลองลัดตรงบริเวณ บางพลัดมาถึงบริเวณ ม.ธรรมศาสตร์ ประมาณ สมัยพระชัยราชาธิราช แห่งกรุงศรีอยุธยา แม่น้ำเลยเปลี่ยนกระแสไปออกทางคลองลัดแทน ตามประวัติ วัดแห่งนี้ท่านสุนทรภู่เคยบวชเป็นเณร ศึกษาวิชาการและจำวัด ณ ที่นี้เป็นเวลาหลายพรรษา

วัดนี้เป็นพระอารามหลวง และมีแหล่งท่องเที่ยว และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์น่ามากราบไหว้มากมาย อาทิเช่น หลวงปู่ โต พรหมรังสี องค์ใหญ่, เทวรูปพระพิฆเณศวร เทพเจ้าแห่งปัญญา และอื่นๆ ในวัดมีความร่มรื่นตามแบบวัดริมคลอง บริเวณหน้าวัดริมคลองบางกอกน้อย จะมีวังปลาสวาย มีผู้คนและนักท่องเที่ยวที่มาทางเรือ แวะให้อาหารปลาอยู่เสมอๆ เสียดายที่วันที่ผมไป (เป็นวันเลือกตั้งผู้ว่า กทม) ยังเช้าอยู่เลยไม่มีนักท่องเที่ยวมาทางเรือเท่าไหร่ ไม่งั้นจะถ่ายรูปมาให้ดูครับ

พระพิฆเณศวร ผู้คนมากราบไหว้บูชาตลอด

พระพิฆเณศวร องค์นี้เดิมทีอยู่ริมถนนทางไป โคราช ท่านเจ้าอาวาส คือหลวงพ่อเณร หรือ ท่านเจ้าคุณพระราชพิพัฒน์โกศล ท่านเห็นตากแดดตากฝนอยู่ร้านริมถนน ท่านเลยขอเอามาไว้ที่วัด ผู้คนเลยมากราบไหว้บูชาขอพรกันเป็นประจำ

สมเด็จโต องค์ใหญ่

เป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต องค์ใหญ่ที่มีลักษณะสวยงามมาก ผมเห็นได้กราบไหว้มาหลายองค์ แต่ที่วัดนี้สร้างได้งดงามถูกอัตราส่วนค่อนข้างมากนอกจากนี้ยังมีเทวรูปเทพองค์อื่นๆให้กราบไหว้ขอพรอีกมาก ทั้งท้าวมหาพรหม พระราหู พระอินทร์ เรียกว่าไปครั้งเดียว ได้ไปกราบขอพรเทพเหล่านี้ได้พร้อมๆกันเลย

ยังมีสิ่งต่างๆให้ดูอีกมากรับสำหรับวัดเก่าแห่งนี้ ถ้าใครมีเวลา ไปเที่ยวแถวฝั่งธน ก็น่าจะแวะไปนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ เพื่อเป็นมงคลแก่ชีวิตกันได้ครับ ผมขอแนะนำอีกอย่างคือ บางขุนนนท์เป็นแหล่งต้นกำเนิดก๋วยเตี๋ยวตำลึง ซึ่งผมจะเขียนบทความเกี่ยวกับก๋วยเตี๋ยวเจ้าอร่อยๆ ในแหล่งนี้อีกทีครับ เข้าวัดแล้วก็ไปหาก๋วยเตี๋ยวทานกันต่อนะครับ